🧳 หลายประเทศเริ่มใช้ระบบ Advance Passenger Processing System (APPS) ที่ช่วยให้ “รู้ล่วงหน้า” ว่าผู้โดยสารคือใคร ก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงสนามบิน เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงรุก โดยใช้ข้อมูลจาก สายการบิน หนังสือเดินทาง (Passport) และฐานข้อมูลความมั่นคง เชื่อมต่อกันแบบเรียลไทม์
📊 APPS เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอะไรบ้าง?
- ข้อมูลผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Information: API) เช่น ชื่อ–นามสกุล เพศ วันเกิด เลขหนังสือเดินทาง สัญชาติ
- รายละเอียดเที่ยวบิน (PNR: Passenger Name Record) เช่น เส้นทางการบิน วันที่เดินทาง จุดต่อเครื่อง
- ฐานข้อมูลความมั่นคง ที่เชื่อมโยงกับรายชื่อบุคคลเฝ้าระวัง (Watchlist) หมายจับสากล (Interpol) หรือบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสามารถ ตรวจสอบความเสี่ยงล่วงหน้า ก่อนผู้โดยสารขึ้นเครื่องบิน ทำให้รู้ได้ทันทีว่าผู้โดยสารแต่ละคนมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือไม่

🚦 APPS ช่วยแก้ปัญหาอะไรที่สนามบินเคยเจอ?
- ลดคิวตรวจคนเข้าเมืองที่ยาวนาน
แทนที่จะตรวจทุกคนแบบเดียวกันทั้งหมด ระบบจะใช้ AI คัดกรองล่วงหน้า ว่าใครคือผู้โดยสารทั่วไป และใครที่ต้องตรวจละเอียด - ลดโอกาสตกเครื่องจากความล่าช้า
ผู้โดยสารที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถผ่านกระบวนการได้เร็วขึ้น ไม่เสียเวลาในขั้นตอนตรวจสอบที่ซ้ำซ้อน - เพิ่มความปลอดภัยเชิงรุก
เจ้าหน้าที่สามารถ “รู้ตัวตน” ของบุคคลต้องสงสัยตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้าประเทศ ลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในสนามบิน - ทำงานแบบเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติ
ไม่ต้องรอส่งเอกสารหรือกรอกข้อมูลหน้างาน แต่ข้อมูลทั้งหมดไหลเข้าระบบกลางแบบเรียลไทม์

📍 ในระยะยาว ด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทย เองก็มีแผนจะพัฒนา “Thailand Immigration System (TIS)” ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านใหม่ที่จะยกระดับงานตรวจคนเข้าเมืองทั้งระบบ ด้วยงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าให้
- การคัดกรองมี ประสิทธิภาพสูงขึ้น
- การตรวจสอบรวดเร็วขึ้น
- การพิสูจน์ตัวตนแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Biometric และ AI
🌏 ทั้งหมดนี้คือ “จิ๊กซอว์” สำคัญ ที่ทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในฐานะ Aviation Hub ของภูมิภาค เพราะในสนามบินแห่งอนาคต ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ต้องเดินไปด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ